เรียนไปทำไร ? EP.2 ศิลปกรรม
ศิลปะนี่เรียนไปทำอะไร เป็นศิลปินทำไม ไส้แห้ง สมัยนี้มันไม่แห้งแล้วนะครับ เป็น Artist , Graphic Design เป็นคนออกแบบแอปพลิเคชัน เป็น Curator (ภัณฑารักษ์) ศิลปะมันทำให้เราเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และมนุษย์ถ้ามันเรียนรู้กัน เปิดใจเรียนรู้กัน ผมว่ามันไม่ทะเลาะกัน
ผม ผศ.วุฒิกร คงคา อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปกรรม คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ศิลปะ เรียนไปทำไร ? ศิลปกรรมลาดกระบังของเราที่โดดเด่นก็คือเราเปิดกว้าง หลักสูตรของเรา มีอยู่ 3 หลักสูตร หลักสูตรที่หนึ่งเป็นหลักสูตรภาษาไทย ภาคปกติ คือหลักสูตร ศิลปกรรม มีเดียอาร์ต และอิลลัสเตชั่นอาร์ต เรามีถึง 6 เอกวิชา มีทั้ง จิตรกรรม ประติมากรรม ศิลปะสามมิติ อิลลัสเตรชั่นอาร์ต มีเดียอาร์ต และก็มีภาพพิมพ์ หลักสูตรที่สอง จะเป็นหลักสูตรปริญญาโท สาขาทัศนศิลป์ อีกหลักสูตรหนึ่ง เป็นหลักสูตรน้องใหม่ จะเป็นหลักสูตรอินเตอร์ Creative Arts and Curatorial Studies ชื่อภาษาไทยก็คือ ศิลปะสร้างสรรค์และภัณฑารักษ์ศึกษา อาชีพภัณฑารักษ์ตอนนี้กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด สมัยนี้วงการศิลปะเติบโตมาก ศิลปินรุ่นใหม่สามารถแจ้งเกิดได้เร็วมาก ผ่านใครรับ? ผ่านภัณฑารักษ์ อันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เราจะผลิตภัณฑารักษ์ในระดับปริญญาตรี
การเตรียมตัวเข้าสอบ เราก็ดูพื้น ๆ ก็คือการ Drawing และก็อีกวิชาหนึ่งก็คือ Composition การจัดภาพ การจัดวาง รวมถึงตัวไอเดีย เนื้อหา เราก็จะมีโจทย์ให้ น้อง ๆ ก็จะอ่านโจทย์ แล้วก็ Create ว่าจะเป็นภาพอย่างไร ความที่เราเปิดกว้างอย่างอิสระให้เด็กสามารถได้ทำงานทุกสื่อที่เขาต้องการ ขณะเดียวกันเราก็ลงลุกในเชิงปฏิบัติ ก็คือนักศึกษาทุกคนจะต้องทำงานด้วยตัวเอง ถ้าสาย Painting ก็ต้องมีฝีมือ Painting ที่เก่ง ขณะเดียวกันก็สามารถสร้างสรรค์ความคิดใหม่ ๆ ได้ หรือสายมีเดียอาร์ต เขาก็จะสามารถที่จะใช้ไอเดียที่พิเศษ ขณะเดียวกันเขาก็ต้องเข้าใจเรื่องวัสดุต่าง ๆ ที่เขาจะสามารถทดลองทำอย่างนั้น อย่างนี้ ออกมาได้ หรือปติมากรรมก็ต้องปั้นได้ แล้วก็สามารถสร้างสรรค์ได้ด้วย
เรียนไปทำไร ศิลปะ ? ในรุ่นๆหนึ่ง เผลอๆ สามรุ่น สี่รุ่น อาจจะมีเป็นศิลปินไม่กี่คน หลาย ๆ คนก็คือ อยู่ในวงการ อยู่ในวงจร อยู่ในองค์กรที่เกี่ยวพันกับศิลปะ ไปเป็น Graphic Design ไปเป็นคนออกแบบแอปพลิเคชัน ไปทำโฆษณา ไปทำหนัง เมื่อไรก็ตามที่คุณรู้พื้นฐานของศิลปะเหล่านี้ มันสามารถนำไปใช้ หรือประยุกต์ใช้กับอาชีพอื่น ๆ ได้ทั้งสิ้น ความคิดสร้างสรรค์ในงานศิลปะ สำหรับผมในยุคนี้ยิ่งสำคัญมาก เครื่องมือเราทันกันหมด แต่ผมเชื่อในเรื่องไอเดีย คิดอะไรแผลง ๆ คิดไรอะไรประหลาดๆ ของเราประหลาด แล้วบางทีมันชนะด้วยความแปลกประหลาด ความไม่เหมือนใคร เพราะฉะนั้นเรียนศิลปะที่มันฝึกให้เกิดความคิดแปลก ๆ นี่แหละที่มันจะเป็นรากฐานสำคัญ ที่เขาจะสามารถทำอาชีพอื่น ๆ ได้แค่เขาพัฒนาเป็น ผมเชื่อว่าถ้าเขาไปทำก๋วยเตี๋ยวขายก๋วยเตี๋ยวเขาก็คงจะแปลก
ศิลปินไส้แห้ง ? สังคมไทยมักจะพูดถึงว่า เป็นศิลปินทำไม “ไส้แห้ง” เด็ก ๆ ผมก็คิดอย่างนั้น ถ้าตอนนี้มีคนมาพูดกับผมแบบนี้ผมก็จะขู่กลับ ผมไส้แห้งแต่ผมไม่ต้องรับใช้ใคร ศิลปินมีอาชีพเดียวนะครับที่ทุกคนชื่นชอบในความเป็นตัวของคุณเอง แล้วสมัยนี้มันไม่แห้งแล้วนะครับ ลูกศิษย์ที่ลาดกระบังเรียนจบปุ๊บ งานขายได้เป็นหมื่นเป็นแสน ที่ผมพูดแบบนี้ไม่ใช่อาชีพศิลปินมันสูงส่ง มันไม่ได้สูงส่งกว่าอาชีพอื่น มันเหมือนขายกล้วยแขก ขายรถยนต์นั่นแหละ เพียงแต่มันเป็นอาชีพเดียวที่เราทำอะไรก็ได้อย่างที่เราอยากทำ เรามีอิสระอย่างที่เราอยากจะทำอะไรก็ได้อย่างที่เราอยากทำ แล้วมีคนมาสนับสนุนเรา
