จากเด็กติดโปร สู่แชมป์เวทีอวกาศระดับประเทศ “Eyes on Edge”
ทีมนักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สจล. ที่ใช้ดาวเทียม + AI
ลดเวลาสำรวจถนนอันตรายทั้งประเทศ จาก 4 เดือน เหลือ 30 นาที
เส้นทางนักศึกษาที่ไม่ได้เริ่มต้นอย่างสวยงาม สู่ทีมผู้ชนะบนเวที Thailand Space Expo 2025 นี่คือเรื่องราวของทีม Eyes on Edge ทีมเด็กที่เคย “ติดโปร” เพราะเคยเรียนไม่ดีมาก่อน แต่กลับลุกขึ้นสู้ พัฒนาตัวเอง จนวันนี้สร้างผลงานระดับประเทศที่หลายคนต้องหันมามอง สมาชิกทีมประกอบด้วย นายธันฐกรณ์ รัตโส นายณัฐวัฒน์ สุขอุดม นายธัชพล ลาคำสาย นายธันฐกรณ์ รัตโส นักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
จากจุดเริ่มต้นใกล้ตัว สู่เวทีระดับประเทศ—ทีม Eyes on Edge ของนักศึกษากลุ่มเล็ก ๆ ที่ได้รับโจทย์มาว่า “อยากใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมของไทย สร้างอิมแพ็คให้กับประเทศ” นายธันฐกรณ์ หนึ่งในสมาชิกของทีมเล่าว่า “เราเป็นเด็กที่เกรดไม่ค่อยดี เคยติดโปรตอนปี 1 เคยท้อเหมือนกันครับ แต่เราตั้งใจว่าจะต้องโตขึ้นและทำอะไรให้ได้จริงจัง เราเลยเลือกทำโปรเจกต์นี้ ไม่ใช่แค่ส่งผลงานเข้าประกวด แต่ผลงานของเราต้องมีประโยชน์จริง ๆ ต่อสังคม โดยเริ่มจากปัญหาที่พบเห็นอยู่ทุกวัน
เริ่มจากปัญหาใกล้ตัว : ถนนที่อันตราย
“ถนนหน้าคณะและทางไปแอร์พอร์ตลิงก์ มีช่วงโค้งถนนที่โค้งยาว มักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ถนนในประเทศไทยมีจำนวนมาก ซับซ้อน และการสำรวจด้วยคนต้องใช้งบประมาณและเวลาแบบมหาศาล” คำถามจึงเกิดขึ้นว่า ถ้าใช้ภาพถ่ายดาวเทียมบวก AI วิเคราะห์แทน จะช่วยประเมินถนนที่มีความเสี่ยงโดยอัตโนมัติแทนการสำรวจด้วยคน จะได้ผลลัพธ์ที่เร็วกว่ามากไหม? คำตอบคือ “ใช่” เพราะจากงานสำรวจที่ต้องใช้เวลาถึง 3–4 เดือน หากทำทั้งประเทศ ทีมสามารถลดเหลือเพียง ประมาณ 30 นาที เท่านั้น
เทคนิคระดับสูง : AI + ภาพดาวเทียม: วัดความโค้ง ความกว้าง ประเมินวัสดุพื้นผิวได้ แยกถนน วิเคราะห์ความเสี่ยง แบบอัตโนมัติ
ในเชิงเทคนิค ทีมใช้เทคนิค Deep Learning Segmentation มาใช้เพื่อแยกถนนออกจากภูมิประเทศโดยรอบ จากนั้นใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ขั้นสูงอย่าง Polygon Skeleton เพื่อถอดภาพให้กลายเป็นข้อมูลเชิงปริมาณ เช่น ความโค้ง ความกว้าง และวัสดุพื้นผิวถนน ว่าเป็นดินแดง ยางมะตอย หรือคอนกรีต เพื่อจัดประเภทว่าถนนแบบไหนมีอัตราความ “เสี่ยง” มากน้อยเท่าไหร่ ข้อมูลทั้งหมดนี้ถูกนำไปเทียบกับเกณฑ์ความเสี่ยงจากงานวิจัยและข้อมูลจากกรมทางหลวงที่นิยามไว้ว่า “ถนนแบบใดถือว่าอันตราย” เพื่อให้ระบบสามารถคัดแยกจุดเสี่ยงได้อย่างแม่นยำและอัตโนมัติ
“สิ่งที่คิด ต้องทำได้จริง” คือ Mindset ของทีม
“เราอยากพิสูจน์ให้เห็นว่ามันสามารถสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริง ถ้าพวกเราเป็นคนเสนอ แล้วทำเองไม่ได้ ก็ไม่ควรเสนอตั้งแต่แรก เราเลยเลือกลงมือทำและทดสอบของจริง เพราะการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงไม่ใช่การพูดว่าจะทำ แต่คือการลงมือทำครับ”
มุมมองจากอวกาศ: เทคโนโลยีที่ช่วยแก้ปัญหา ก่อนปัญหาจะเกิด
ทีม Eyes on Edge เชื่อว่า เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ คือ “โครงสร้างพื้นฐานข้อมูลของโลก” ด้วยภาพจากอวกาศที่เห็นพื้นที่แบบกว้าง เร็ว และเป็นกลาง ไม่ว่าจะเป็นถนน เมือง พื้นที่เกษตร หรือทรัพยากรธรรมชาติ ข้อมูลดาวเทียมช่วยให้เรา เข้าใจการเปลี่ยนแปลงก่อนที่จะเกิดปัญหา เราสามารถนำข้อมูลไปคาดการณ์ปัญหา ก่อนที่จะเกิดขึ้น ไม่ต้องรอให้มีอุบัติเหตุ น้ำท่วม หรือปัญหาสิ่งแวดล้อม แล้วค่อยแก้ พอเราแปลงภาพเหล่านี้ให้เป็นข้อมูลที่วิเคราะห์ได้ ก็จะต่อยอดไปสู่การตัดสินใจเชิงนโยบายและการลงมือแก้ปัญหาได้อย่างแม่นยำ เพราะฉะนั้น “เทคโนโลยีอวกาศไม่ได้มีไว้แค่ดูภาพสวย ๆ จากบนฟ้า แต่ช่วยให้เรามีข้อมูล เพื่อเข้าใจปัญหา และนำไปใช้แก้ไขได้จริงในพื้นที่”
สมัครแข่งก่อนปิดรับแค่ 8 วัน—ทำงานโต้รุ่ง พร้อมสอบ Final แต่สุดท้ายคว้ารางวัลชนะเลิศ
เส้นทางไปสู่การแข่งขันครั้งสำคัญไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ “เรารู้ตัวว่ามีงานนี้ก่อนปิดรับสมัครแค่ 8 วัน ต้องโต้รุ่งแทบทุกวัน ยังต้องเตรียมสอบ Final ไปด้วย กดดันมาก แต่เราบอกกันว่า ‘ความพยายามเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา’” ผลคือ ทีมผ่านเข้ารอบ Fast Track และผ่านเข้าสู่รอบ Final Pitch จากเวทีที่มีผู้แข่งขันตั้งแต่นักศึกษาจนถึงคนทำงานที่จบปริญญาเอกจากต่างประเทศ ทุกทีมเก่ง ๆ กันทั้งนั้นครับ ความรู้สึกลุ้นแบบใจเต้นไม่หยุดก็เกิดขึ้น“ตอนประกาศรางวัลอันดับ 3 และ 2 แล้วไม่เห็นชื่อทีมเรา เราแทบจะถอดใจ จนได้ยินชื่อทีมเรา ในรางวัลสุดท้าย รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีม Eyes on Edge มันคือช่วงเวลาที่ดีใจที่สุดครับ เหมือนพิสูจน์ให้ตัวเองและทีมเห็นว่า แม้เวลาจะเหลือน้อย แต่ถ้าเราทำเต็มที่ เราทำได้ครับ”
การเข้าร่วม Thailand Space Expo 2025
เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ทีมของเรารู้สึกตื่นเต้น ภูมิใจ เราเริ่มต้นจากไอเดียเล็ก ๆ และโค้ดที่ยังทดลองอยู่ แต่เมื่อได้ยืนต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญในด้านอวกาศและเทคโนโลยี คำถามและคำแนะนำจากกรรมการ เราสัมผัสได้ถึง “ความไว้วางใจ” และ “ความรับผิดชอบ” รู้สึกว่าความพยายามของเรากำลังกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับสังคม ไม่ใช่เพียงต้นแบบในห้องทดลอง
แต่ที่ท้าทายที่สุดคือตอนที่อยู่ในงานครับ ตอนที่สมัครตอนแรกเราไม่คิดว่างานมันจะใหญ่ขนาดนี้ ทั้งความใหญ่ของงาน จำนวนคนที่เข้าร่วมกว่า 6,500 คนทั่วโลก กรรมการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในสายงาน หรือแม้แต่คู่แข่งที่แข่งกับเราไม่ธรรมดาจริง ๆ ครับมีตั้งแต่นักศึกษาแบบเรา จนถึงคนที่เรียนจบปริญญาเอกจากต่างประเทศ ร่วมส่งผลงานเข้าประกวดด้วย
ก้าวต่อไป : พัฒนาระบบเพื่อให้เกิดการใช้งานจริง
แผนต่อยอดต่อไป: จากต้นแบบสู่ระบบที่พร้อมใช้งานจริง
หลังจากนี้เราจะเก็บข้อมูลให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ปรับปรุง U-Net และขั้นตอนหลังบ้านให้เสถียรบนสภาพจริง ต่อยอดและพัฒนาระบบส่งมอบที่ใช้งานได้ทันที ตั้งแต่ GeoPackage, KML ไปจนถึง API สำหรับหน่วยงานภาคสนามควบคู่กับการเชื่อมข้อมูลอุบัติเหตุและแบบก่อสร้าง เพื่อนำเสนอมาตรการเชิงรุกในจุดเสี่ยงต่อไป
ฝากถึงน้อง ๆ “การไม่ยอมแพ้ และลุกขึ้นสู้ ทุกก้าวที่เราพยายาม ทำให้วันนี้เราได้รับรางวัลอันทรงคุณค่าและน่าภูมิใจ จากผลงานที่เราตั้งใจทำกันมาเพื่อสังคม จุดเริ่มต้นไม่สำคัญเท่ากับการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาครับ”